บทที่1
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
เนื่องจากสมาชิกในกลุ่มของพวกเราชอบและรักในการปลูกต้นไม้
ซึ่งกระถางต้นไม้มีราคาแพงมากในท้องตลาด 1
กระถาง ตกราคากระถางละ 100-200 บาท หรือมากกว่านั้น
ตามขนาดและความสวยงามซึ่งในการปลูกต้นไม้ในแต่ละครั้ง ต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนหลายบาทต่อจำนวนหนึ่งกระถาง
โดยเฉพาะค่าต้นไม้ก็ต้องใช้จ่ายจำนวนหลายบาทแล้ว หากรวมไปถึงปุ๋ย ดิน หรือกระถาง
ก็ใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนหลายบาท ในฐานะที่พวกเราชอบและรักในการปลูกต้นไม้
จึงคิดที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการปลูกต้นไม้ในแต่ละครั้ง โดยการคิดนวัตกรรมที่ชื่อว่า
“กระถางต้นไม้จากผ้าขนหนูที่ไม่ใช้แล้ว” ประหยัดต่อค่าใช้จ่ายในการปลูกต้นไม้ในเต่ละครั้งและมีความสวยงาม
ตามความคิดของเราเอง
วัตถุประสงค์
1.ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อกระถางต้นไม้ที่แพง
2.ได้กระถางต้นไม้ตามที่เราต้องการ
3.มีกระถางต้นไม้ที่ไม่เหมือนใคร
4.นำของเก่ามารีไซเคิล
5.นำหลังปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ขอเขตของการศึกษา
โครงงานนี้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับชนิดและวัสดุในการทำกระถางต้นไม้โดยใช้ผ้าขนหนูเหลือใช้
ศึกษาวิธีการทำกระถางต้นไม้จากผ้าขนหนูเหลือใช้ ประสิทธิภาพการใช้งานของกระถางต้นไม้จากผ้าขนหนูเหลือใช้ว่าสามารถใช้ประโยชน์ได้จริงหรือไม่
ประโยชน์ที่จะได้รับ
1.ประหยัดค่าใช้จ่าย
2.มีกระถางต้นไม้ที่สวยงามไว้ใช้งาน
3.ได้รูปร่างของกระถางต้นไม้ที่เราต้องการ
4.นำผ้าที่เหลือใช้กลับมาใช้งานได้ใหม่โดยมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
5.ได้กระถางต้นไม้ที่สวยงามไม่เหมือนคนอื่นไว้ตกแต่งบ้าน
บทที่ 2
ให้ผิวสัมผัสที่ดี
2. ซับน้ำได้ดี 3. ขนหลุดล่วงน้อย 4. คงทนต่อการใช้งาน - คงทนต่อสี (Color
Fastness) - คงทนต่อการซัก (Washing Fastness) - คงทนต่อแสง (Light Fastness) - คงทนต่อเหงื่อ (Perspiration
Fastness) - ทนต่อการหลุดลุ่ยของขน (Pile Retention) 5. หลังการซัก ต้องไม่กระด้าง ลักษณะของผ้าขนหนู ผ้าขนหนูสำหรับใส่อาบน้ำนั้น
จะมีไว้เพื่อใส่อาบน้ำโดยเฉพาะ โดยจะมีคุณสมบัติในการซึมซับน้ำได้ดี
เนื้อผ้านุ่มสบายและแห้งง่ายอีกด้วย เนื่องจากต้องใช้ใส่อาบน้ำบ่อยเป็นประจำทุกวัน
จึงถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานและแห้งง่ายนั่นเอง
โดยผ้าขนหนูที่ใช้ใส่สำหรับอาบน้ำนั้นจะมีขนาด 27 x 54 ซึ่งเป็นขนาดพอเหมาะพอดีกับรูปร่างของคนไทยเราเลยล่ะ
ประเภทของภาชนะที่ควรปลูกไม้กระถาง ภาชนะใด ๆ
ก็ตามที่เรานำมาใช้เพื่อใส่ดินหรือเครื่องปลูกเพื่อใช้ปลูกพันธุ์ไม้ลงไปในนั้นแล้ว
ก็อาจจะรวมเรียกในที่นี้ทั้งหมดว่ากระถางก็ได้
ซึ่งอาจจะเป็นภาชนะขนาดเล็กที่ยกย้ายเคลื่อนที่ได้สะดวกหรือเป็นภาชนะใหญ่โต
ที่ติดอยู่กับที่ยกเคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้ ดังเช่นกะบะซีเมนต์
หรือกะบะคอนกรีตที่ออกแบบก่อสร้างติดอยู่กับอาคารสถานที่
โดยเฉพาะสิ่งเหล่านี้จะถือว่าเป็นกระถางทั้งสิ้นเพราะมีหลักสำคัญอยู่ 3 ประการด้วยกันคือ 1. เป็นภาชนะที่มีปริมาตรจำกัด
คือมีด้านต่าง ๆ โดยรอบ แต่มีด้านหนึ่งเปิดเพื่อใช้ปลูกต้นไม้ในด้านหรือส่วนนั้น
ภายในมีพื้นที่เพื่อบรรจุดินหรือเครื่องปลูกต้นไม้ 2. เป็นภาชนะที่มีที่ระบายนํ้าออกจากภาชนะนั้น
อาจจะเป็นรูที่มีอยู่ทางส่วนล่าง
เพื่อให้นํ้าที่ใช้รดต้นไม้ลงไปในภาชนะนั้นไม่ตกค้างขังอยู่ในภาชนะนั้นได้
การระบายนํ้าออกจากภาชนะนั้นจะต้องมีปริมาณพอสมควรกับขนาด และปริมาตรของภาชนะนั้น
ๆ ด้วย 3. เป็นภาชนะที่สามารถทนทานต่อความชื้นและมีอายุคงทนถาวรพอสมควร
ไม่เป็นภาชนะที่สร้างขึ้นจากวัสดุที่ไม่คงทนถาวรอยู่ได้นานพอสมควร
และเป็นภาชนะที่สามารถดูแลรักษาได้ง่ายด้วย เช่นการเปลี่ยนเครื่องปลูก
หรือเปลี่ยนดิน การให้นํ้าพันธุ์ไม้ในภาชนะสะดวก ประเภทและชนิดของกระถางหรือภาชนะปลูกพันธุ์ไม้
ภาชนะหรือกระถางที่ใช้ปลูกพันธุ์ไม้นั้นมีมากมายหลายชนิดและหลายประเภท
ซึ่งแล้วแต่เหตุผลที่เหมาะสม และความนิยม รวมถึงประโยชน์ใช้สอยด้วย ซึ่งอาจแบ่งออก
ได้มากมายหลายลักษณะ คือ ภาชนะหรือกระถางที่นำมาใช้ในวัตถุประสงค์ต่าง ๆ กัน ซึ่งหมายถึงภาชนะหรือกระถางที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้ต่าง
ๆ กัน คือ.- 1. เพื่อใช้เลี้ยงต้นไม้อ่อน ๆ หรือต้นกล้า
หรือต้นไม้ที่ยังไม่แข็งแรงพอ
เป็นการปลูกลงในกระถางเพียงชั่วระยะหนึ่งที่จะรอการเจริญเติบโตจนแข็งแรงดีแล้วจึงนำลงปลูกในพื้นที่ดินต่อไป
กระถางประเภทนี้เป็นกระถางธรรมดา ที่อาจใช้วัสดุเหลือใช้อื่น ๆ
หรือวัสดุที่หาง่ายราคาถูกมาดัดแปลงใช้ก็ได้เช่น
กระบอกไม้ไผ่เจาะรูที่ก้นเหนือข้อหรือกระบอกไม้ไผ่ผ่าครึ่งตามยาวแล้วประกบกันเข้าไปใหม่
ให้เป็นรูปกระบอกใช้เชือกหรือลวดรัดให้อยู่ กระถางไม้ไผ่
หรือกระบอกแบบนี้เวลาจะนำพันธุ์ไม้ออกปลูกก็แกะกระบอก ออก
ทำให้สะดวกในการเอาพันธุ์ไม้ออกปลูกโดยไม่กระทบกระเทือนระบบรากในกระบอกนั้น
นอกจากนี้อาจใช่ปีบ กระป๋อง ลังไม้ก็ได้ ที่นิยมใช้กันมากเพราะหาง่ายจำนวนมาก
ก็คือหม้อหุงข้าวดินเผาที่เผาแล้วรั่วร้าวมาใช้ปลูกกิ่งตอน
เวลาจะปลูกก็ทุบหม้อทิ้งโดยไม่ต้องเสียดายหม้อดินนั้น
ในท้องที่บางแห่งใช้ไม้ไผ่สานเป็นกระถางปลูกกิ่งตอนเช่น กิ่งตอนลำไยในภาคเหนือ
เรียกกระถางแบบนี้ว่า “ก๋วย” เวลาปลูกก็ปลูกลงไปทั้งกระถางหรือก่วย
ก็จะผุพังกลายเป็นดินไปในไม่ช้า
ในปัจจุบันนี้เป็นยุคของถุงพลาสติกก็ใช้ถุงพลาสติกเจาะรูเป็นกระถางปลูกหรือเพาะเมล็ดพันธุ์ไม้ก็ได้
เวลาปลูกหรือเปลี่ยนกระถางก็ต้องฉีกถุงพลาสติกนั้นออกเสียก่อน
หากใช้กระถางดินเหนียวเผาแล้วก็จะดีกว่ากระถางอย่างอื่นเพราะใช่ได้หลายครั้งทนทานดีกว่า
แต่กระถางที่ใช้ปลูกพันธุ์ไม้เล็กนี้มีความจำเป็นที่จะต้องถ่ายกระถาง จากขนาดเล็กให้โตขึ้นเรื่อย
ๆ
ข้อสำคัญในการเลือกกระถางแบบนี้จึงพิจารณาเลือกกระถางที่มีรูปร่างปากกว้างกว่าก้น
เพื่อสะดวกในการถ่ายเทพันธุ์ภาชนะใด ๆ
ก็ตามที่เรานำมาใช้เพื่อใส่ดินหรือเครื่องปลูกเพื่อใช้ปลูกพันธุ์ไม้ลงไปในนั้นแล้ว
ก็อาจจะรวมเรียกในที่นี้ทั้งหมดว่ากระถางก็ได้
ซึ่งอาจจะเป็นภาชนะขนาดเล็กที่ยกย้ายเคลื่อนที่ได้สะดวกหรือเป็นภาชนะใหญ่โต
ที่ติดอยู่กับที่ยกเคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้ ดังเช่นกะบะซีเมนต์
หรือกะบะคอนกรีตที่ออกแบบก่อสร้างติดอยู่กับอาคารสถานที่
โดยเฉพาะสิ่งเหล่านี้จะถือว่าเป็นกระถางทั้งสิ้นเพราะมีหลักสำคัญอยู่ 3 ประการด้วยกันคือ 1. เป็นภาชนะที่มีปริมาตรจำกัด
คือมีด้านต่าง ๆ โดยรอบ แต่มีด้านหนึ่งเปิดเพื่อใช้ปลูกต้นไม้ในด้านหรือส่วนนั้น
ภายในมีพื้นที่เพื่อบรรจุดินหรือเครื่องปลูกต้นไม้ 2. เป็นภาชนะที่มีที่ระบายนํ้าออกจากภาชนะนั้น
อาจจะเป็นรูที่มีอยู่ทางส่วนล่าง
เพื่อให้นํ้าที่ใช้รดต้นไม้ลงไปในภาชนะนั้นไม่ตกค้างขังอยู่ในภาชนะนั้นได้
การระบายนํ้าออกจากภาชนะนั้นจะต้องมีปริมาณพอสมควรกับขนาด และปริมาตรของภาชนะนั้น
ๆ ด้วย 3. เป็นภาชนะที่สามารถทนทานต่อความชื้นและมีอายุคงทนถาวรพอสมควร
ไม่เป็นภาชนะที่สร้างขึ้นจากวัสดุที่ไม่คงทนถาวรอยู่ได้นานพอสมควร
และเป็นภาชนะที่สามารถดูแลรักษาได้ง่ายด้วย เช่นการเปลี่ยนเครื่องปลูก
หรือเปลี่ยนดิน การให้นํ้าพันธุ์ไม้ในภาชนะสะดวก ประเภทและชนิดของกระถางหรือภาชนะปลูกพันธุ์ไม้
ภาชนะหรือกระถางที่ใช้ปลูกพันธุ์ไม้นั้นมีมากมายหลายชนิดและหลายประเภท
ซึ่งแล้วแต่เหตุผลที่เหมาะสม และความนิยม รวมถึงประโยชน์ใช้สอยด้วย ซึ่งอาจแบ่งออก
ได้มากมายหลายลักษณะ คือ ภาชนะหรือกระถางที่นำมาใช้ในวัตถุประสงค์ต่าง ๆ กัน ซึ่งหมายถึงภาชนะหรือกระถางที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้ต่าง
ๆ กัน คือ.- 1. เพื่อใช้เลี้ยงต้นไม้อ่อน ๆ หรือต้นกล้า
หรือต้นไม้ที่ยังไม่แข็งแรงพอ
เป็นการปลูกลงในกระถางเพียงชั่วระยะหนึ่งที่จะรอการเจริญเติบโตจนแข็งแรงดีแล้วจึงนำลงปลูกในพื้นที่ดินต่อไป
กระถางประเภทนี้เป็นกระถางธรรมดา ที่อาจใช้วัสดุเหลือใช้อื่น ๆ
หรือวัสดุที่หาง่ายราคาถูกมาดัดแปลงใช้ก็ได้เช่น
กระบอกไม้ไผ่เจาะรูที่ก้นเหนือข้อหรือกระบอกไม้ไผ่ผ่าครึ่งตามยาวแล้วประกบกันเข้าไปใหม่
ให้เป็นรูปกระบอกใช้เชือกหรือลวดรัดให้อยู่ กระถางไม้ไผ่
หรือกระบอกแบบนี้เวลาจะนำพันธุ์ไม้ออกปลูกก็แกะกระบอก ออก
ทำให้สะดวกในการเอาพันธุ์ไม้ออกปลูกโดยไม่กระทบกระเทือนระบบรากในกระบอกนั้น
นอกจากนี้อาจใช่ปีบ กระป๋อง ลังไม้ก็ได้ ที่นิยมใช้กันมากเพราะหาง่ายจำนวนมาก
ก็คือหม้อหุงข้าวดินเผาที่เผาแล้วรั่วร้าวมาใช้ปลูกกิ่งตอน
เวลาจะปลูกก็ทุบหม้อทิ้งโดยไม่ต้องเสียดายหม้อดินนั้น
ในท้องที่บางแห่งใช้ไม้ไผ่สานเป็นกระถางปลูกกิ่งตอนเช่น กิ่งตอนลำไยในภาคเหนือ
เรียกกระถางแบบนี้ว่า “ก๋วย” เวลาปลูกก็ปลูกลงไปทั้งกระถางหรือก่วย
ก็จะผุพังกลายเป็นดินไปในไม่ช้า ในปัจจุบันนี้เป็นยุคของถุงพลาสติกก็ใช้ถุงพลาสติกเจาะรูเป็นกระถางปลูกหรือเพาะเมล็ดพันธุ์ไม้ก็ได้
เวลาปลูกหรือเปลี่ยนกระถางก็ต้องฉีกถุงพลาสติกนั้นออกเสียก่อน
หากใช้กระถางดินเหนียวเผาแล้วก็จะดีกว่ากระถางอย่างอื่นเพราะใช่ได้หลายครั้งทนทานดีกว่า
แต่กระถางที่ใช้ปลูกพันธุ์ไม้เล็กนี้มีความจำเป็นที่จะต้องถ่ายกระถาง
จากขนาดเล็กให้โตขึ้นเรื่อย ๆ
ข้อสำคัญในการเลือกกระถางแบบนี้จึงพิจารณาเลือกกระถางที่มีรูปร่างปากกว้างกว่าก้น
เพื่อสะดวกในการถ่ายเทพันธุ์ไม้ออกจากกระถางโดยไม่ชํ้าต่อพันธุ์ไม้และกระถางไม่แตกเสียหายอีกด้วย
ในท้องที่ชนบทบางแห่งอาจใช้ใบไม้ที่มีใบใหญ่หนาเป็นกระถางเพาะเมล็ด
หรือในภาคกลางบางรายก็อาจใช้กระทงใบตองแห้งเป็นกระถางเพาะเมล็ดพันธุ์ไม้เล็ก ๆ
ก่อนลงปลูกในดินเช่นพริก มะเขือ ฟักแฟง แตงต่าง ๆ 2. เพื่อใช้เลี้ยงพันธุ์ไม้เฉพาะบางชนิดซึ่งอาจแบ่งออกไต้ตามภาษาตลาดว่า
กระถางไม้ดิน กับกระถางกล้วยไม้ คือกระถางไม้ดินนั้นทึบมีรูระบายนํ้าจำกัด
ส่วนกระถางกล้วยไม้นั้นมีตั้งแต่โปร่งมีรูระบายนํ้ามากจนทึบ
แต่มีลักษณะทรงเตี้ยกว่ากระถางไม้ดิน
และประการสำคัญกระถางกล้วยไม้จะมีรูที่ขอบกระถางด้านบนไว้สำหรับร้อยลวด
แขวนกระถางนั้น ถ้ามองดูลักษณะภายนอกแล้วก็จะเห็นว่ากระถางกล้วยไม้กับกระถางไม้ดินแตกต่างกันถึงแม้จะเป็นกระถางทึบเหมือน
ๆ กัน แต่กระถางกล้วยไม้เช่นพวกกระถางแคทลียามักจะมีขอบกระถางด้านบนกว้างกว่า
และขอบกระถางเรียบไม่มีจีบบนเหมือนกระถางไม้ดินที่มีขอบหนา
เป็นจีบเพื่อสะดวกในการจับยกไปมา กระถางกล้วยไม้นั้น อาจจะทำมาจากวัสดุต่าง ๆ
กันแล้วแต่ชนิดความเหมาะสมของกล้วยไม้ที่ชอบและความนิยม เช่น
ทำจากไม้สักเรียกกันว่า “กระเช้า” มากกว่าจะเรียกว่ากระถาง
บางชนิดก็ใช้กาบผลมะพร้าวเย็บรวมกันเป็นผลมะพร้าวทำเป็นกระถางกล้วยไม้ก็มี
บางชนิดใช้ต้นทรีเฟิร์นทำเป็นกระถางกล้วยไม้ ก็มี
แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ใช้กระถางดินเหนียวเผาซึ่งมีหลายลักษณะและหลายขนาด
เพราะสามารถผลิตหรือซื้อหาได้ง่าย ในจำนวนมากราคาพอสมควรคุ้มกัน ส่วนกระถางไม้ดินนั้นมักมีลักษณะรูปร่างเรียบ
ๆ ธรรมดา มีส่วนสูงหรือลึกกว่ากระถางกล้วยไม้ มีรูเฉพาะที่ก้นกระถางหรือเหนือก้นกระถางขึ้นมาเล็กน้อย
เพื่อให้มีการระบายนํ้าในกระถางออกได้ดี กระถางไม้ดินนี้มีลักษณะสำคัญต่าง ๆ
ดังนี้คือ.-
1. ขนาด
การบอกขนาดของกระถางดินเหนียวเผานั้น เราบอกขนาดกันเป็นนิ้ว
ซึ่งหมายถึงเส้นผ่าศูนย์กลางของปากกระถางว่ากว้างกี่นิ้วฟุต เช่นกระถาง 4 นิ้ว กระถาง 6 นิ้ว หรือ 8 นิ้ว
ก็หมายถึงกระถางกว้างที่ปากเป็น 4 นิ้วฟุต 6 นิ้วฟุต หรือ 8 นิ้วฟุต
ซึ่งต่างกับในต่างประเทคเช่นในสหรัฐอเมริกาซึ่งใช้ถังเหล็กหรือกระป๋องสังกะสีเคลือบ
ทรงกระบอกเป็นกระถางปลูกต้นไม้ เขาแบ่งขนาดกระถาง ของเขาเป็นความจุว่าจุกี่แกลอน
เมื่อพูดถึงราคาพันธุ์ไม้กันแล้ว
เขาตีราคาพันธุ์ไม้กันด้วยขนาดของกระถางเป็นหลักมากกว่าดีราคากันด้วยขนาดของพันธุ์ไม้ในกระถางแบบบ้านเรา
จึงถามกันว่าต้นปาล์มจีบขนาดกระถาง 2 แกลอนครึ่งราคาเท่าไร
2. วัสดุที่ใช้ทำกระถางหรือเนื้อของกระถาง ในเมืองไทยเรานั้น
ส่วนใหญ่ใช่ดินเหนียวปั้นกระถางแล้วเผาไฟ เป็นกระถางดินเผา ทำกันมากแถวปากเกร็ด
จังหวัดนนทบุรี และปทุมธานี แต่กระถางประเภทนี้มิอาจทำกระถางขนาดใหญ่ได้
เพราะเวลาปั้นดินแล้วจะไม่ทรงรูปร่างอยู่ได้เพราะขนาดใหญ่เกินไป
จึงมีกระถางอีกประเภทหนึ่งที่มีลักษณะเป็นโอ่งมังกร
หรือกระถางดินเผาเคลือบมีขนาดใหญ่กว่ากระถางดินเผาปทุมธานีมาก
แข็งแรงทนทานกว่ากระถางดินเผาปากเกร็ด ซึ่งมีแหล่งผลิตใหญ่อยู่ที่จังหวัดราชบุรี
กระถางหรือโอ่งมังกรปลูกต้นไม้ประเภทนี้มีราคาแพงกว่า เพราะโตกว่าและทนทานกว่า
และบอกขนาดกันได้ 2 ลักษณะ
คือจะบอกเป็นนิ้วที่ปากกว้างในขนาดที่เล็ก ๆ เท่ากับกระถางดินเผาปากเกร็ด
อีกลักษณะหนึ่งบอกขนาดแบบฝรั่งคือ
ปริมาตรความจุของกระถางแต่มิได้บอกเป็นลิตรเป็นแกลลอน
แบบฝรั่งแต่บอกเข้าใจกันเอาว่าจุนํ้ากี่ปีบ
กระถางหรือโอ่งมังกรปลูกต้นไม้ประเภทนี้ส่วนมากภายนอกมักมีลวดลายสวยงาม
แต่เดิมทีก็เลียนแบบมาจากกระถางจีนจึงมีรูปมังกรอยู่โดยรอบ
จึงเรียกกันว่าโอ่งมังกรต่อ ๆ มาก็ดัดแปลงเปลี่ยนไปเป็นรูปลวดลายอื่น ๆ บ้าง
และก็มักตีตรายี่ห้อเจ้าของโรงงานกระถางเอาไว้โฆษณาไปด้วย
กระถางดินหรือกระถางปลูกไม้ดินที่มีไว้ปลูกพันธุ์ไม้เฉพาะจริง ๆ
นั้นก็เป็นกระถางที่ประณีตขึ้นทั้งการทำและเนื้อวัสดุและการเคลือบสี
ตลอดจนลวดลายต่าง ๆ ที่ทำมาจากเมืองจีนที่รู้จักชื่อกันว่า กระถางลายคราม
หรือกระถางเคลือบลายคราม กระถางประเภทนี้มีราคาสูงมาก
บางชิ้นมีราคาถึงหมื่นถึงแสนบาท ไม่กล้านำมาใส่ต้นไม้ปลูกดูเล่นเพราะไม่ปลอดภัยจาก
โจรกรรมนัก จึงตั้งไว้ดูเล่นมากกว่า
เหตุที่กระถางเคลือบลายครามพวกนี้มีราคาแพงนั้นเนื่องจากเหตุผลที่จำเป็นหลายประการด้วยกันคือ
เนื้อดินที่นำมาทำเป็นวัสดุปั้นนั้นมีจำกัดไม่อาจหาได้ง่าย ๆ อีกแล้วในเมืองจีน
ที่กล่าวมานี้ จะจริงเท็จอย่างไรไม่ทราบแต่ได้ฟังมาอย่างนั้น
ช่างปั้นที่มีเคล็ดลับในการผสมดินหรือนํ้ายาเคลือบก็ไม่มีใครทราบ
หรือรู้ตำรานั้นแล้ว และเหตุผลที่สำคัญอีกก็คือไม่สามารถ
มีใครทำเลียนแบบได้จริงอีกแล้วในโลกนี้ กระถางเหล่านี้มีคุณสมบัติดีอะไรถึงต้องนำกระถางราคาแพงเหล่านี้
มาใช้ปลูกต้นไม้ เหตุผลอันนี้ก็คือกระถางประเภทนี้มีเนื้อวัสดุ
กระถางที่เป็นสารที่ไม่มีปฎิกริยากับดินปลูกที่จะใส่ลงในกระถางอีกแล้ว
คือไม่อาจมีปฎิกริยาเป็นกรดหรือด่างกับดินปลูกในกระถางซึ่งทำให้กรดและด่างในดินปลูกเปลี่ยนแปลงไปอีกได้
โดยเฉพาะการปลูกต้นไม้ดัดและไม้แคระ หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า “บอนไซ” นั้นเป็นกระถางที่มีดินในกระถางอยู่ในปริมาณน้อยจำกัดมาก
หากกระถางที่ใส่มีปฎิกิริยากับดินปลูกหรือมีปฏิกิริยากับปุ๋ยที่ใส่ลงในกระถางแล้ว
ก็จะเกิดผลเสียแก่ดินปลูกที่มีน้อยอยู่แล้วในกระถาง
และมีผลสะท้อนมาถึงอันตรายแก่ต้นไม้ที่มีราคาแพงในกระถางเหล่านั้นได้ทันที
ดังนั้นกระถางที่ใช้ปลูกพันธุ์ไม้พิเศษพวกไม้แคระ ไม้บอนไซ ไม้ดัดไทย
พวกนี้จึงจำเป็นต้องได้กระถางที่มีลักษณะดังกล่าวมาแล้ว ซึ่งกระถางเหล่านี้
จึงต้องทำและมีกรรมวิธีที่พิเศษ ราคาจึงแพงกว่ากระถาง ต้นไม้ธรรมดาทั่ว ๆ ไป และนอกจากนี้แล้วพันธุ์ไม้กระถางเหล่านี้เป็นไม้ประดับที่สวยงามมีราคาค่างวดสูงมาก
หากนำมาปลูกลงในกระถางธรรมดาราคาถูก ๆ แล้วก็ไม่สมศักดิ์ศรีกันกับต้นไม้ในกระถาง
เพราะการปลูกไม้ประดับประเภทนี้
มิใช่ชมความสวยงามกันเฉพาะแต่พันธุ์ไม้ในกระถางเท่านั้น ความสวยงามหรือคุณค่าของกระถางก็เป็นส่วนสำคัญที่จะต้องชมโฉมกันด้วย
เพราะทั้งกระถางและพันธุ์ไม้ใน
กระถางจะต้องสวยงามกลมกลืนผสมผสานเข้าด้วยกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว 3. รูปร่าง กระถางที่ใช้ปลูกต้นไม้ธรรมดาสามัญทั่ว ๆไปก็จะมีรูปร่างทรงกลม
ทรงกระบอก ก้นเล็กกว่าปากเล็กน้อย ถ้าเป็นกระถางขนาดใหญ่ก็อาจจะมีลักษณะเหมือนโอ่งหรือตุ่มนํ้าคือป่องตรงส่วนกลางเพื่อรับนํ้าหนัก
กระถาง
รูปร่างเช่นนี้จะไม่เหมาะในการนำมาใช้ปลูกต้นไม้ที่จะต้องมีการถ่ายเทย้ายต้นไม้ออกจากกระถางเมื่อโตขึ้น
แต่จะใช้เป็นกระถางที่ใช้ปลูกไม้กระถางที่คงทนถาวรอยู่ในกระถาง เป็นเวลานานๆ
ส่วนใหญ่การปั้นกระถางนั้น รูปร่างกลม
ทำได้ง่ายรวดเร็วจึงมีราคาถูกกว่ากระถางที่มีรูปร่างเป็น เหลี่ยมหรือเป็นมุม
หรือเป็นรูปกลมรีแบบรูปไข่ ซึ่งในการใช้กระถางปลูกไม้แคระและไม้ดัดแล้ว
บางลักษณะก็ต้องการกระถางที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยม หรือกลมรีแบบรูปไข่ แต่ก็ไม่มีความสวยงามหรือจำเป็นเลยที่ต้องใช้กระถางรูปสามเหลี่ยม
กระถางต้นไม้ดินธรรมดานั้นมักจะมีส่วนสูงหรือลึกเป็น 2 เท่า
หรือเท่าครึ่งของความกว้างของปากกระถาง ถ้ากระถางที่มีส่วนสูงหรือลึกเกินกว่า 2
เท่าของปากไปก็จะมีรูปเป็นทรงกระบอกซึ่งใช้ไม่มากนัก ส่วนกระถางที่มีส่วนสูงเตี้ยหรือตื้นแต่ปากกว้างยังมีที่ใช้มากกว่า
เพราะใช้ปลูกพันธุ์ไม้ ที่มีหน่อเป็นกอได้ดี กระถางประเภทที่มีปากกว้างและตื้นนี้
เรียกกันว่าอ่างเพราะมีลักษณะเป็นอ่างมากกว่าโอ่ง
ใช้เป็นที่เพาะเมล็ดพันธุ์ไม้ก็ดีด้วย ส่วนกระถางต้นไม้ดินอีกประเภทหนึ่ง เป็นกระถางที่ทำขึ้นเฉพาะสำหรับพันธุ์ไม้บางชนิดที่ต้องการความชุ่มชื้นสูงอาจจะมีลักษณะแปลก
ๆ คือมีสองชั้นคล้าย ๆ จานรองก้นขาตู้กับข้าวของไทยเรา
เพื่อให้ตรงกลางเก็บนํ้าหล่อให้ชุ่มชื้นอยู่ได้นาน แต่ก็ไม่ใช้กันมากนัก
รูปร่างของกระถางนั้น ส่วนใหญ่ก็ออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการดูแลรักษา เลี้ยงดู
และให้เหมาะสมกับความเจริญเติบโตของพันธุ์ไม้นั้น ๆ โดยเฉพาะไป 4. รูระบายนํ้าในกระถางส่วนสำคัญของกระถาง
ที่ใช้ดินปลูกนั้นก็คือการระบายนํ้าออกจากกระถางไม่ให้นํ้าขังอยู่ในกระถางได้
รูระบายนํ้าในกระถางนี้จะต้องมีจำนวนเพียงพอในการที่จะช่วยให้นํ้าระบายออกได้เร็ว
พอสมควร ดังนั้นกระถางที่มีขนาดเล็กก็มีรูเพียงรูเดียวอยู่ที่กึ่งกลางที่ก้นกระถาง
ซึ่งก้นกระถางที่ดีนั้นจะต้องมีส่วนเว้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมิให้นํ้าระบายออกยากในลักษณะที่ก้นกระถางแบนราบแบบปีบหรือกระป๋อง
เมื่อกระถางโตหรือใหญ่ขึ้นรูระบายนํ้าก็อาจเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 2 รู คือรูที่กึ่งกลางก้นกระถางเดิมรูหนึ่ง
และที่ด้านข้างเหนือก้นกระถางอีกรูหนึ่ง หากโตขึ้นอาจมี 4 รูคือรูที่ก้นกึ่งกลางหนึ่งรู
และตามขอบก้นกระถางอีก 3 รู
ถ้าเป็นโอ่งหรืออ่างมังกรที่ใช้เป็นกระถางปลูกต้นไม้ที่ทำขึ้นจากจังหวัดราชบุรีแล้ว
ก็ไม่มีรูก้นกระถางตรงกึ่งกลางในกระถางขนาดใหญ่ คงมี แต่รูรอบ ๆ
ตามขอบก้นโอ่งเท่านั้น อาจจะมิ 3 รู 4 รู
หรือ 5 รูก็อาจเป็นไปได้
แต่การมีรูโตเกินไปจะมีปัญหาในเรื่องดินปลูกในกระถางจะถูกระบายชะล้างออกมานอกกระถาง
ด้วยประการหนึ่ง หรือการมีรูมากเกินไปก็จะเกิดปัญหาทำให้รากต้นไม้ในกระถางชอนไชออกมาทางรูกระถางเหล่านั้นได้
เพราะตามรูก้นกระถางนั้นย่อมมีนํ้าและความชื้นมากกว่าในส่วนอื่น ๆ ของกระถาง
กระถางพิเศษที่มีทรงเตี้ยหรือตื้นปากกว้างที่ใช้ปลูกไม้แคระหรือบอนไซนั้น
ไม่ควรมีรูมากรูแต่มีรูใหญ่กว่าปรกติ เพราะวิธีการปลูกนั้นใช้ลวดตาข่ายปิดรูกันดินรั่วไหลชะล้างออกมา
รูที่กระถางนี้หากตันขึ้นมาแล้วนํ้าก็จะไม่ระบายออกจากกระถาง เป็นเหตุให้ดิน
ปลูกในกระถางอับแฉะเหนียวเละเมื่อแห้งก็หดตัวแข็งตามขอบกระถางจะสังเกตได้ว่าล่อนออกจากขอบเป็นร่อง
โดยรอบขอบในของกระถาง
5. ส่วนประกอบอื่น ๆ
ของกระถางที่สำคัญคือความ สะดวกในการเคลื่อนย้ายกระถาง กระถางธรรมดาทั่วๆไป
นั้นย่อมต้องมีการขนย้ายที่อยู่เสมอ ดังนั้นกระถางธรรมดา
เหล่านี้จึงนิยมทำขอบกระถางเพื่อสะดวกในการขนย้าย หยิบยก
ยิ่งเป็นกระถางขนาดใหญ่เท่าไรก็ต้องพิจารณาถึงส่วนประกอบที่ช่วยในการหยิบยกขนย้ายนี้ด้วย
กระถางในต่างประเทศไม่มีขอบเพราะเป็นกระป๋องกลมทรงกระบอก
แต่เขาก็มีเครื่องมือที่จะยกคืบกระป๋องเหล่านั้นมีลักษณะเป็นคีมแบบคีมหนีบนํ้าแข็งก้อนใหญ่
ๆ ยกย้ายไปมา แต่กระถางที่มีขนาดเล็ก ๆ ขนาด 2 นิ้วครึ่ง
หรือ 4 นิ้วนั้น การทำขอบกระถางก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นนัก
บางครั้งยังเปลืองเนื้อที่ในการจัดเรียงตั้งกระถางอีกด้วย
เพราะเมื่อตั้งชิดกันแล้วเปลืองพื้นที่เพราะขอบกระถางตันกันเองไม่เหมือนกระถางที่ไม่มีขอบสามารถเปลืองเนื้อที่ในการจัดตั้งเรียงกระถางน้อยกว่า
3. เพื่อใช้ประดับตกแต่งความสวยงามโดยใช้ไม้กระถาง ในการตกแต่งไม้ดอกไม้ประดับทั้งภายนอกและภายใน
อาคารนั้น กระถางเป็นส่วนสำคัญยิ่ง เพราะเหตุ 5 ประการ
ด้วยกันคือ.- 1. ต้องมีรูปทรงสีสัน
ลวดลายสวยงามเช่นเดียวกับวัตถุอื่น ๆ ที่ใช้เป็นสิ่งประดับความสวยงามสำหรับบ้าน
หรือเฟอร์นิเจอร์ซึ่งต้องมีสภาพเข้ากับบ้านได้ดี 2. ต้องมีคุณลักษณะที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย
ให้แก่สถานที่
โดยเฉพาะรอยแตกร้าวของกระถางซึ่งจะทำให้นํ้าหรือดินปลูกในกระถางรั่วไหลหรือซึมออกมานอกกระถางได้
โดยเฉพาะถ้ากระถางนั้นวางอยู่กับพื้นก็ต้องไม่ทำให้พื้นนั้นเสียหายได้
หรือหากเป็นกระถางแขวนก็ไม่ทำให้มีหยดนํ้าหยดลงมาได้จากกระถาง โดยเฉพาะกระถางตั้ง
จำเป็นต้องมีจานรองก้นกระถางด้วย 3. ต้องเป็นกระถางชนิดที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
ที่จะใช้ประดับในแง่ของความเจริญเติบโตของพันธุ์ไม้ในกระถางนั้นๆ เช่น
ไม้กระถางที่ตั้งประดับนอกอาคารก็ควรเป็นกระถางที่ระเหยนํ้าได้ง่ายเช่นเป็นเนื้อดินเผาไม่เคลือบ
กระถางที่ตั้งประดับภายในก็ควรเป็นกระถางเคลือบเพื่อไม่ต้องคอยรดนํ้าบ่อย ๆ
4. กระถางที่จะใช้เป็นไม้กระถางประดับนั้นอาจจัดทำได้ 2 ลักษณะด้วยกันคือ.- ก. กระถางจริง ที่ใช้ปลูกพันธุ์ไม้แล้วก็นำมาใช้
ประดับตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอาคารโดยตรง ข. กระถางปลอกนอก
คือกระถางรองนอกที่ทำด้วยวัสดุต่าง ๆ เพื่อให้มีลักษณะรูปร่างสวยงามเป็นใหญ่
มีเนื้อหาหรือผิวสัมผัสที่สวยงาม ซึ่งมีทั้งกระถางรองนอกที่ทำด้วยซีเมนต์ไม้
โลหะต่าง ๆ เช่น ทองเหลือง ดีบุก สเตนเลส หรือกระถางลายครามดีๆ ก็อาจใช้เป็นรองนอกก็ได้
รองนอกกระถางพวกนี้จะไม่มีรูระบายนํ้า
จึงไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่พื้นได้หากตั้งประดับบนพื้นบ้าน
รองนอกกระถางชนิดนี้อาจใช้กระถางปลูกต้นไม้จริงหนึ่งกระถาง
ตั้งอยู่ภายในหรือใช้หลาย ๆ กระถางตั้งอยู่ในรองนอกนั้น จัดเป็นกลุ่มก็ได้
แล้วแต่ขนาดและลักษณะรูปร่างของรองนอก บางชนิดก็มีรูปเป็นเหลี่ยม บางชนิดก็กลม
แต่ถ้าหากชนิดที่เป็นเหลี่ยมแล้ว หากจัดรวมกลุ่มกันจะงดงามดี
เช่นเป็นเหลี่ยมแบบรังผึ้ง
เราสามารถจะใช้กระถางชนิดนี้จัดเป็นกลุ่มกี่ใบก็ได้และจะให้มีลักษณะแปลก ๆ
อย่างไรก็ได้ 5. กระถางแขวนหรือกระถางลอย กระถางชนิดนี้
อาจเป็นกระถางดินเผา กระถางเคลือบ หรือกระถางที่มีลักษณะอื่น ๆ
ใดที่ดูไม่เป็นกระถางเช่นเป็นรูปปลา หรือรูปสัตว์อื่น ๆ เช่นเป็นรูปเปลือกหอย
โดยใช้ติดลอยอยู่ตามฝาผนัง ในการจัดไม้กระถางเพื่อประดับตกแต่งความสวยงามนั้น
อาจจะมีทั้งการอวดกระถางให้เห็นหรือซ่อนกระถางก็ได้
บทที่3
วิธีการดำเนินงาน
3.1วัสดุอุปกรณ์
1.ปูนซีเมนต์
2.ผ้าขนหนูที่ไม่ใช้แล้ว
3.รูปแบบของกระถางที่จะทำ
4.ที่ผสมปูนซีเมนต์
5.กระป๋องสี
ขั้นตอนการทดลอง
1.ศึกษาอัตราส่วน
2.ศึกษาประสิทธิภาพของการทำกระถางต้นไม้
4.ศึกษากรซึมซับน้ำของผ้า
ขั้นตอนการทำ
1.เตรียมผ้าขนหนูที่ไม่ใช้แล้ว และอุปกรณ์ต่างๆ
2.นำปูนซีเมนต์ไปผสมกับน้ำ
3.นำปูนซีเมนต์ที่ผสมกับน้ำแล้วเอาผ้าขนหนูไปชุบปูนหรือเทปูนลงบนผาขนหนู
4.นำผ้าที่ชุบปูนไปวางบนก้นของถังน้ำเพื่อให้ผ้าเป็นทรงของกระถาง
5.นำผ้าขนหนูไปตาแดดและรอจนผ้าขนหนูแห้งและแข็งแล้วค่อยทาสีตามที่เราต้องการ
บทที่4
ผลการดำเนินการ
จากการทดลองในการทำกระถางต้นไม้จากผ้าขนหนูที่ไม่ใช้แล้ว
ได้ผลการทดลองดังนี้
ครั้งที่1
ปริมาณปูน/แก้ว
|
ปริมาณทราย/แก้ว
|
ปริมาณน้ำ/แก้ว
|
2 แก้ว
|
2 แก้ว
|
3 แก้ว
|
สรุปผลการทดลอง
ปูนที่นำไปผสมกับทรายและน้ำ จึงทำให้ปูนเหลวเกินไป ไม่สามารถทำกระถางต้นไม้ได้
ครั้งที่2
ปริมาณปูน/แก้ว
|
ปริมาณทราย/แก้ว
|
ปริมาณน้ำ/แก้ว
|
2 แก้ว
|
1 แก้ว
|
½ แก้ว
|
สรุปผลการทดลอง
ปูนที่นำไปผสมกับทรายและน้ำ
จึงทำให้ผสมกันในปริมาณที่เหมาะสมจึงสามารถนำไปทำกระถางต้นไม้จากผ้าขนหนูที่ไม่ใช้แล้วได้
ผลการทดลองในการนำผ้าขนหนูที่ผสมกับปูนแล้วนำไปตากแดด
ครั้งที่
|
เวลาในการตาก
|
บริเวณที่ตาก
|
ผลการทดลอง
|
1
|
2 ชม.
|
กลางแจ้ง
|
แห้ง 2/4ของขนาดกระถางต้นไม้จากผ้าขนหนูที่นำไปผสมกับปูน
|
2
|
10 ชม.
|
กลางแจ้ง
|
กระถางต้นไม้จากผ้าขนหนูที่นำไปผสมกับปูนแห้งและสามารถใช้งานได้
|
สรุปผลการทดลอง
ปริมาณเวลาในการตากแดด โดยใช้ปริมาณ 10 ชม. ในที่กลางแจ้ง ผ้าที่นำไปผสมกับปูน
เพื่อที่จะทำกระถางต้นไม้แห้งสนิทและสามารถใช้งานได้
บทที่5
สรุปผลการทดลอง
1.ได้รูปทรงกระถางต้นไม้ที่เราต้องการ
2.ได้ประหยัดงบในการทำ
3.สามารถปลูกต้นไม้โดยที่รดน้ำต้นไม้แค่1ครั้งต่อวัน
4.กระถางต้นไม้ที่ทำจากผ้าขนหนูจะช่วยซึมซับน้ำได้ดีกว่ากระถางต้นไม้ทั่วไป
5.การที่จะประสบความสำเร็จในการทำ เราต้องใช่อัตราส่วนที่พอดีไม่มากไม่น้อยจนเกินไป